ร้อยเรื่องสั้นไม่จำกัดหลอน โดย ตรัยโศก ณ ริมน่าน
ผู้เข้าชมรวม
111
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ของไม่ดี
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับลุงแถวบ้านผม แกไปโดนของไม่ดีเข้าตัวโดยไม่ตั้งใจ ก็เกี่ยวกับคุณไสย สิ่งเร้นลับ ผีสางนางพรายนั่นล่ะครับ เพียงแต่ที่แกโดนเนี่ย ไม่ใช่แบบที่ผมเคยได้ยินมา ไม่ใช่ลมเพลมพัด ไม่ใช่การกระทำโดยมุ่งร้ายจากคนอื่น แต่เป็นตัวลุงแกเองครับที่เข้าหามัน แต่อย่างที่บแกไว้ข้างต้นนั่นล่ะครับว่าลุงแกไม่ได้ตั้งใจ แกแค่โลภเท่านั้นเอง จะเรียกว่าไม่รู้ก็ไม่ผิดนัก เอาเป็นว่า คราวซวย ทุกอย่างมันไม่เป็นไปได้สวยอย่างที่คิดก็แล้วกันครับ นั่นล่ะ คำที่เหมาะที่สุดสำหรับประสบการณ์ ที่ลุงคนนี้เขาคงจำไปจนตาย ว่าของบางอย่างแม้มันจะมีค่า แต่ความจริงแล้วอาจเป็นของไม่ดีอย่างที่คิดก็เป็นได้
ลุงคนนี้ชื่อลุงแดงครับ แกมีอาชีพหาปลาผสมกับหาของเก่าของมีค่าตามคลองน้ำสายหลักเอาไปขาย อย่างหลังนี่อาชีพเสริมครับ นานทีปีหนแกจะทำ อย่างว่าล่ะครับหาปลากับของมีค่า ปลามันได้ง่ายกว่า ลงข่ายลงอวนไม่ก็ดำยิงยังไงก็เจอ แต่ไอ้ของมีค่าเนี่ย ถ้าไม่ใช่ว่าต้องดำลงไปในที่ ๆ ลึกจริง ๆ หรือมีข้อมูลว่าเคยมีเรือล่ม เคยมีคนเอาของมาซ่อนหรือประวัติแต่โบราณ ก็ยากนักล่ะครับที่จะมี
ลุงแดงว่าบางครั้ง ดำปลาอยู่เห็นสะท้อนแสงวาวแวววิบ ๆ คิดว่าของโบราณ แต่พอดำไปดูใกล้ ๆ กลับเป็นโกศทองเหลืองใส่กระดูกก็มี บางคนเขาไม่เน้นลอยอังคารแบบโปรยเถ้าครับ ปล่อยลงไปทั้งโกศทีเดียวเลย หยุ่นปุ๊บก็ตุ๋มลงใกล้ ๆ นั่นล่ะครับไม่ไปไหน เอาล่ะครับ เรื่อยเปื่อยมาเยอะแล้ว เข้าสู่เรื่องของลุงแดงที่เจอกันเลยดีกว่า
ลุงแดง ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่นะครับ แต่แกเลิกอาชีพหากินทางน้ำอย่างเด็ดขาด แกบอกว่าวันนั้นก็ไปลงข่ายลงอวนหาปลาตามปกติอย่างที่เคยทำนั่นล่ะครับ เพียงแต่คราวนี้สถานที่เป็นหนองน้ำใหญ่ คลองน้ำเก่ากลางนาที่มีมาตั้งแต่สมัยพ่อของพ่อและของพ่ออีกทีโน่น และไม่เคยไม่ขุดลอกเลยสักครั้ง สถานที่แบบนั้นใครจะคิดละครับว่านอกจากกุ้งหอยปูปลาอันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติแล้ว มันจะมีของอย่างอื่นอยู่ด้วย
วันนั้นไม่ใช่ลุงแดงคนเดียวนะครับที่ไป ยังมีผู้เชี่ยวชาญสายอาชีพเดียวกันคนอื่น ๆ ด้วย ต่างก็หมายตำแหน่งของใครของมัน ใครถนัดแหก็เลือกจุดหว่านเอาที่มันโปร่ง ๆ โล่ง ๆ ใครถนัดข่ายดักปลาก็เลือกขึงขนาบกับฝั่งคลองไล่ไปตามความยาวของข่าย สุดตรงไหนก็ตรงนั้น ที่เหลือใครจะวางต่อก็สุดแท้แต่ปรารถนา ลุงแดงแกถนัดทั้งสองอย่างครับ ไม่สิ ความจริงแกก็ได้หมดนั่นล่ะ เรียกว่าเชี่ยวเลยทีเดียว
หลังจากปักหลักผูกเชือกหัวข่ายแล้วค่อย ๆ ลุยน้ำเลาะริมฝั่งคลองไปจนสุดแล้ว แกก็จัดการหว่านแหต่อ ประมาณว่ามันต้องได้ทั้งสองทางนั่นล่ะครับ ทีนี้จุดที่ลุงแกเลือกเนี่ย มันค่อนข้างรกและห่างจากคนอื่นเสียหน่อย แถวนั้นเขาไม่ค่อยลงกัน ไม่ใช่กลัวผีสางอะไรนะครับ แต่อย่างที่บอกคือมันรก
หากจะลงแหลงข่ายก็ต้องเสียเวลาเคลียร์เศษไม้นานทีเดียว แต่นั่นล่ะครับ ตรงไหนที่คนอื่นไม่ค่อยไป ลุงแดงแกชอบนักแล เพราะไอ้เศษไม้ทั้งน้อยใหญ่ที่จมอยู่ใต้น้ำ นอกจากจะเป็นที่หลบซ่อนของปลาแล้ว มันยังมีพวกหอยพวกปูด้วย เรียกว่าแค่เวลาที่แกเสียไปกับการเก็บโข่ บ้านผมเรียกแบบนั้นครับ แกก็ได้ทั้งหอย ปู บางครั้งก็ปลาแบบจับเอาง่าย ๆ เป็นกะละมังแล้ว
และตอนนั้นนั่นล่ะครับที่แกบังเอิบงมแล้วพบกับวัตถุบางอย่าง แกว่าสัมผัสแรกมันกึ่งสากกึ่งลื่น ประมานว่าไม้แช่น้ำนานนั่นล่ะครับ แต่ทีนี้คือมันดิ้นได้ซ้ำยังใหญ่จนต้องใช้มือโอบ ที่สำคัญมันมน กลม แวบแรกแกคิดว่าเต่า ได้เต่าแน่ ๆ ตัวใหญ่เสียด้วย ก็ดีใจล่ะครับเพราะมีลูกค้าเฉพาะอยู่
แกว่ามันดิ้นหนีมืออยู่สองสามครั้ง และแต่ละครั้งนี้แล่นเอามวลน้ำดันขึ้นมาให้เห็นตะกอน มันก็ตามง่ายล่ะแบบนี้ แกลอยคอบ้าง งมบ้าง ควานหาไปเรื่อย ๆ ไอ้เต่าตัวนั้นมันก็หนีไปเรื่อย ๆ กระทั่งออกไปถึงกลางคลองนั่นล่ะแกจึงจับมันได้ แล้วจึงรู้ว่ามันไม่ใช่เต่าครับ แต่เป็นไห ไม่ก็โอ่งใบขนาดย่อม หากใครนึกดภาพไม่ออกก็โอ่งน้ำรับแขกตามบ้านทมี่มีกระบวยทำจากกะลามะพร้าวนั่นล่ะครับ ขนาดเท่านั้นเลย
แวบแรกลุงแดงว่าแกสะดุ้งจนเผลอกลืนน้ำไปหลายอึก ปล่อยมันหลุดจากการจับการอุ้ม ขนหนาวลุกวาบเลยครับ เพราะตามไล่จับคิดว่าเป็นเต่าไหงเป็นตุ่มไปได้ ต่อเมื่อนึกเอะใจ เอ๊ะ...หรือมันจะมีของดีอยู่ในนั้น พวกพระโบราณไม่ก็สมบัติ แต่คงมีอาคมกำกับไว้กระมังจึงดิ้นหนีมือได้
คิดได้ดังนั้นแกก็ยกมือวันทาหลับตากล่าวกับอากาศธาตุเลยครับว่า ขอเถอะ หากมีบุญจะได้จับต้องหรือเป็นเจ้าของสมบัติตุ่มนี้ คือยังไม่เห็นด้วยซ้ำว่าใช่รึเปล่าแต่คิดไปแล้วว่าไม่น่าผิด จากนั้นก็ลอยคองมหาอีกครั้ง คราวนี้แผล็บเดียวก็เจอเลย มันจมนิ่งอยู่ตรงที่ปล่อยไปนั่นล่ะ ซ้ำยังไม่ดิ้นหนีเหมือนก่อนหน้าอีก
เป็นแบบนั้นเป็นผมก็คิดครับว่าเจ้าของเก่าเขาคงให้แหละ ถึงง่ายขนาดนี้ แต่พอกึ่งอุ้มกึ่งลากมาข้างฝั่งในระดับน้ำที่พอจะมองเห็นรายละเอียดได้ แกก็เปลี่ยนใจอีกครับ มันเป็นตุ่มจริง ๆ แต่จับไปด้วยตะไคร่เขียว ปากถูกปิดด้วยดินครับ ดินจริง ๆ แต่แกลืมคิดว่าทำไมมันไม่ละลายหว่า แกเหมาเอาว่าที่คิดว่ามันดิ้นน่ะไม่ใช่ ความจริงคือมันลื่นตะไคร่เท่านั้น
แกพินิจดูอยู่ครู่ก็ลองเอานิ้วแคะ ๆ ดินที่ปิดปากอยู่ออกดู มันกลับเปราะร่วนกลายเป็นผงละลายน้ำโดยง่าย แล้วก็ได้เห็นของข้างในสมใจครับ มันมีกำไลข้อมือ สร้อย และเครื่องประดับที่แกว่ามีลักษณะคล้ายเข็มขัดของย่า ๆ ยาย ๆ แบบที่มันกลม ๆ ร้อยต่อกันด้วยตะขอ แกร้องลั่นเลยครับ ดีใจ เพราะทุกอย่างมันล้วนเป็นเนื้อทองคำ จะแท้จะปลอมตอนนั้นยังไม่คิด คิดแค่รวยแน่แล้ว
ลุงแดงดีใจจัดพยายามลากเอาไอ้ตุ่มใบนั้นขึ้นฝั่ง แต่แล้วจังหวะนั้นบางอย่างที่ผิดปกติก็เกิดขึ้น แกว่ามันเหมือนมีใครรั้งปากตุ่มอีกฝั่งเอาไว้ ประมาณว่าฉันไม่ให้ อย่าเอาของฉันไป แกก็หันกลังกลับมามองแล้วก็ใจหายวาบ เพราะมีมือรั้งอยู่จริง ๆ ครับ แต่มีแค่มือและข้างเดียวด้วย มือข้างนั้นผิวซีดเลยจากข้อมือขึ้นไปราว ๆ ครึ่งคืบมีรอยเหมือนถูกตัด
ที่สำคัญ ยังสวมเครื่องประดับและมีรอยสักอักขระเลขยันต์เอาไว้อีกด้วย เจอเข้าแบบนั้นก็ต้องปล่อยล่ะครับ ตุ่มตกน้ำดังตุ๋มแต่ไม่จม กลับลอยนิ่งอยู่ตรงหน้าทั้งที่เป็นคลองน้ำไหล อีกอย่าง มือนั้นก็หายไปแล้วด้วย แกยืนมองทำใจอยู่พักหนึ่งจึงคิดว่าถ้าเขาไม่ให้จริง ๆ มันคงจมหายไปแล้ว เมื่อครู่อาจเป็นแค่อาการตาฝาดหรือดีใจมากเกินไป
หรือถ้าเป็นอะไรที่เร้นลับจริง ๆ ก็คงเป็นช่วงสุดท้ายของการหวงแหน โผล่มาให้กลัวแล้วหายไป ลองเอามือแตะ ๆ ดู เห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ที่สุดลุงแดงจึงตัดสินใจเอามันกลับบ้านเลยครับ กลับเลย ทิ้งแหทิ้งข่ายเอาไว้กะว่าค่อยมาเก็บทีหลัง
ตอนนั้นเรื่องสำคัญคือต้องเอาสมบัติเหล่านั้นไปล้างทำความสะอาด วันต่อไปค่อยเข้าตลาดใหญ่ให้ร้านทองเขาดูให้ ไม่ก็ไปร้านที่เคยเอาของเก่าไปขายเป็นประจำตีราคา แต่ที่แน่ ๆ คือรวยแน่ ๆ แกรวยแน่แล้ว แกคิดแบบนั้นครับ
แกว่าตอนที่อุ้มเอาไอ้ตุ่มไอ้ไหใบนั้นโดยเอาเสื้อและผ้าขาวม้าคลุมเอาไว้มันต้องผ่านกลุ่มเพื่อนนักหาปลา มีแต่คนถามครับว่าจะรีบกลับไปไหน แล้วพวกนั้นใคร เดินตามกันเป็นขบวนเลย แต่ไอ้ประโยคหลังน่ะ แกไม่ได้ใส่ใจครับ แกว่ามาย้อนคิดตอนเล่าให้ผมฟังก็น่าด่าตัวเองนัก โลภจนหูดับ แถมตอนนั้นยังร้อน ๆ หนาว ๆ คล้ายจะจับไข้ก็ยังไม่สำเหนียก คิดแต่จะรวย ๆ อย่างเดียว ดีว่าไม่ตายเอา
กว่าจะรู้สำนึกก็เกือบสายแล้วล่ะครับ แกว่าพอกลับถึงบ้านไม่เกินบ่ายวันนั้นก็รู้เรื่องเลย จากตอนแรกกะจะรีบจัดการล้างทำความสะอาด แต่แกไม่ไหว อยู่ ๆ ก็เพลียอยากหลับเสียให้ได้ แกก็เลยเอาไอ้สมบัติที่ได้มาน่ะไปซุกไว้ใต้ตู้เสื้อผ้า บอกเมียว่าจะรวยกันแล้วนะ แล้วก็ล้างเนื้อล้างตัวเข้านอนข้าวปลาไม่กิน
ทว่า เพียงแกล้มตัวลงนอนเท่านั้นครับ พลันมีผู้ชายร่างใหญ่ไร้หัวมือสองข้างถูกตัดเลือดหยดแหมะ ๆ ปรี่เข้ามากระทืบอก แล้วนะครับ ทั้งที่ไม่มีหัวแต่กลับพูดได้ ลุงแดงได้ยินชัดเจนเลยว่าอยากตายใช่ไหม เอาของกูมาแบบนี้อยากตายใช่ไหม หรืออยากจะเป็นกู!?
แกว่าแกกลัวจัดจนตัวสั่นเลยครับ จะยกมือไหว้ขอร้องก็ทำไม่ได้ จะดิ้นก็ไม่ได้อีก แขนขามันหนักไปหมด แม้แต่หัวก็ยกไม่ขึ้น ได้แต่กรอกตาพยายามมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดขี้แตกเยี่ยวราดตรงนั้นเลย เพราะแขนขาของแกทั้งสองข้างมีผีตัวซีด ๆ ทั้งผู้หญิงผู้ชายนั่งกดเอาไว้
จะร้องให้เมียช่วยก็ไม่ได้อีก มันมีมือครับ มือที่ไม่รู้ว่าเจ้าของอยู่ตรงไหนปิดปากเอาไว้ ไอ้ผู้ชายตัวใหญ่นั่นก็ถามอยู่ประโยคเดียว อยากได้นักใช่ไหม? อยากได้นักใช่ไหม? ถามอยู่แบบนั้น เหยียบ-อกลุงแดงอยู่แบบนั้นพักใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ ค้อมตัวลงมาพร้อม ๆ กับที่มือซึ่งปิดปากแกอยู่ค่อย ๆ ง้างให้อ้าออก แล้วของเหลียวซึ่งแกเข้าใจว่าเป็นเลือดแต่เน่า ๆ ก็ทะลักไหลเข้าปากแกแหมะ ๆ จะอ้วกก็ไม่ได้ จะคายก็ไม่ได้ ต้องกลืนอย่างเดียว
หลังจากนั้นดูเหมือนไอ้ที่แกเห็นคงพอใจแล้วจึงหายไป แต่มันไม่ใช่เรื่องดีครับ เพราะลุงแดงเจ็บร้าวไปทั้งตัว เหมือนกับว่าตามเส้นเลือดหรือเนื้อหนังมีอะไรชอนไชไถไปมาสนุกสนาม แกร้องลั่นบ้านเลยครับ เมียแกได้ยินเข้ามาดูถามว่าเป็นอะไรก็บอกไม่ได้ ลุงแดงแกว่าแกรู้ตัวทุกอย่างนะครับแต่ร่างกายบังคับไม่ได้ ปรี่เข้าจะทำร้ายเมีย พอเมียหลบก็พุ่งชนผนังบ้าน พุ่งชนเสาบ้านไม่ก็พยายามเอามีดตัดข้อมือตัวเอง แกคิดนะครับว่าถ้าสำเร็จ ต่อไปคงเป็นคอแน่ ๆ
เมียลุงแดงร้องให้คนช่วย ก็พอดีกับพวกที่ไปหาปลาด้วยกันนั่นล่ะครับตามกลับมา เห็นอาการลุงแดงก็พาเข้าวัดตามระเบียบ ให้หลวงพ่อท่านช่วยจัดการให้ แกว่าตอนหลวงพ่อทำพิธีแกร่ายคาถาสวนเลยครับ ประมาณว่ามึงมีกูก็มี ทั้งที่ลุงแดงไม่ใช่คนเล่นของอะไรเทือกนั้นเลย ปากมันขยับไปเอง เสียงมันเปล่งออกเอง และอักขระเลขยันต์ก็แล่นอยู่ในหัวทั้งที่ไม่เคยเรียนมา
ดีว่าหลวงพ่อท่านเก่งพอตัว สุดท้ายก็ช่วยเอาไว้ได้ พออะไรสักอย่างในตัวลุงแดงทานไม่ไหวแก็สำรอกเอาเลือดเน่าและหนอนออกมากองโต นั่นยังไม่จบนะครับ ระหว่างที่แกอ้วกโอ้กอ้าก แกยังเห็นว่ามีคนตายเป็นสิบมายืนล้อมและผลัดกันเข้าออกร่างแกเป็นว่าเล่น
หลวงพ่อยิ่งสวดพวกมันยิ่งทำ ทำนองว่าพอเข้าปุ๊บ ถูกสวดไล่ก็ต้องออก อีตัวนั้นออกอีตัวนี้เข้า ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันลุงแดงก็อ้วกอยู่แบบนั้น อ้วกจนไม่มีอะไรจะอ้วก ทีนี้ก็พาลจะขาดใจเอาสิครับเพราะหายใจไม่ทัน จนหลวงพ่อท่านว่าเดี๋ยวจะให้มันเอาไปคืน ปล่อยมันไปเถอะ เท่านั้นเองครับ ง่าย ๆ ทุกอย่างจบเอาเสียดื้อ ๆ
พักใหญ่ ๆ เรียกว่าหลายชั่วโมงเลยล่ะครับกว่าลุงแดงจะฟื้นตัว พอเริ่มมีเรี่ยวแรงเมียแกก็ทั้งด่าทั้งถามว่าไปขโมยของใครเขามา? แกก็ว่าไม่ได้ขโมย แต่ไปเจอมา ตอนนี้ซุกอยู่ใต้ตู้เสื้อผ้า เมียแกก็กลับบ้านไปเอาครับ เอามาให้หลวงพ่อที่วัด ลุงแดงเห็นเข้าตอนแรกก็ยังมิวายเสียดาย โอดครวญว่าคงรวยแน่แล้วแท้ ๆ แต่กลับถูกเมียด่ากลับเสียลั่นวัดเลยครับว่ามึงจะเอากระดูไปขายให้ใคร ใครเขาจะรับซื้อ
ได้ยินแบบนั้นลุงแดงก็งงล่ะครับ เพราะในไหใบนั้นมันไม่ใช่ทองแต่เป็นกระดูกคนทั้งนั้น ชิ้นเล็กชิ้นน้อยเต็มไปหมด หลวงพ่อท่านว่าอาจเป็นของพวกคนที่เขาเล่นของแต่โบราณ เวลาฆ่ากันก็ตัดเอาอวัยวะใส่ไหไว้เพื่อกักวิญญาณ คราวซวยของลุงแดงนั่นล่ะที่ไปเจอเข้าแล้วยังเห็นเป็นสมบัติอีก ให้เอาไปทิ้งเสียที่เดิมนั่นล่ะ มีคนเขาเฝ้าอยู่
ส่วนเพื่อน ๆ นักหาปลาที่ตามกลับมาเพราะรู้สึกไม่ดี ตอนทักลุงแดงน่ะ เขาคนคนมากมายไม่คุ้นหน้าเดินตามลุงแดงเป็นแถว แต่ละคนหน้าตาถมึงทึงขึ้งโกรธ คิดว่าไม่ดีแน่แล้วจึงตามมาดูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วมันก็เป็นจริง ๆ ครับ ลุงแดงแกว่า แกเข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่ขอลงน้ำหาปลาอีกเพราะกลัวว่าตัวเองจะเจออะไรแบบนี้อีก กลัวตัวเองโลภอีก คราวหน้าอาจตายห่าเป็นผีเข้าก็ได้ใครจะรู้
จบ.
ผลงานอื่นๆ ของ ตรัยโศก ณ ริมน่าน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ตรัยโศก ณ ริมน่าน
ความคิดเห็น